top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนnongbig jomza

The Kissing Booth


หนังใหม่เต็มเรื่อง

รีวิว The Kissing Booth - เดอะ คิสซิ่ง บูธ

ภาพยนตร์รักโรแมนติกของ Netflix ที่มีความแปลกตรงเน้นเรื่องมิตรภาพของเพื่อนควบคู่ไปกับความรัก ผ่านซุ้มขายจูบที่เป็นชนวนเหตุของเรื่อง และเรื่องนี้เป็นหนังจาก Netflix ของปี 2018 นี้เอง ใครเป็นสายหนังรักวัยรุ่น แนว High School เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาดด รีวิว The Kissing Booth


เรื่องย่อ


เรื่องราวของเพื่อนซี้ชายหญิง ‘แอล’ และ ‘ลี’ พวกเขาเกิดวัน เดือน ปี เวลาเดียวกันเป๊ะ แถมแม่ของทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย แอลและลีเลยเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันหมดทุกอย่าง แต่ถึงยังไงก็ยังต้องมีกฏของการเป็นเพื่อน และกฏข้อสำคัญที่ห้ามทำเด็ดขาดคือ ห้ามรักคนในครอบครัวของอีกฝ่าย กฏข้อนี้แหละที่ทำให้มิตรภาพของทั้งคู่สั่นคลอน


 

เรื่องนี้เป็นหนังจาก Netflix ของปี 2018 นี้เอง ใครเป็นสายหนังรักวัยรุ่น แนว High School เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาดดดดดดดด ห้ามพลาดแบบต้องดู ส่วนเราที่ตามมาดูเรื่องนี้นอกจากเพราะรีวิวแล้วก็เพราะนางเอกของเรื่องเลย หลายคนอาจจะคุ้นหน้า Joey King อยู่บ้าง ในบทของ Emily Cale จาก White House Down ที่เล่นเป็นลูกสาวของตัวเอกของเรื่องนั่นเอง ส่วนเราตามมาหลายเรื่องแล้ว และตอนนี้เป็นนางเอกแล้วววว ดีใจ ฮือออออ โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และที่สำคัญเลยคือ ในชีวิตจริง พระนางของเรื่องเขาก็เดตกันจริง ๆ อีกด้วย


เนื้อเรื่อง


หนังรักโรแมนติกวัยรุ่นไฮสคูลที่พล็อตมีความแปลกตรงที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องโรแมนติกทั่วไป แต่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนซี้ “แอลกับลี” ที่ซี้ปึ๊กกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ของทั้งคู่ เกิดพร้อมกัน โตมาพร้อมกัน ตัวติดกันจนดูเหมือนไม่มีอะไรมาแยกจากพวกเขาได้ แต่พวกเขาคิดผิด เมื่อทั้งคู่เริ่มมีความรัก และก็เป็นความรักแบบที่มีโอกาสทำลายความสัมพันธ์นี้ไป พวกเขาทั้คู่จะทำยังไงกับความรักที่เกิดขึ้นมาหลังจากนี้ ที่จุดเริ่มต้นเป็น “ซุ้มขายจูบ” ในงานโรงเรียนที่ทั้งคู่เป็นคนจัดขึ้นมาเอง


โดยทั้งสองคนมีกฏของการเป็นเพื่อนกันหลายข้อ และหนึ่งในนั้นคือกฏที่ว่า ห้ามเดตกับพี่น้องหรือญาติของแต่ละฝ่าย เพราะอาจทำลายมิตรภาพของทั้งสองคนได้ จนเมื่อโตขึ้น แอลเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแอบปิ๊ง "โนอาห์" หนุ่มสุดฮอตของโรงเรียนและเขายังเป็นพี่ชายของเพื่อนซี้อีกด้วย


การดำเนินเรื่อง


แม้ชื่อเรื่อง The kissing Booth ซุ้มขายจูบ จะดูเป็นจุดขายของเรื่องนี้ แต่ว่าตัวเรื่องจริงๆ แค่เอาเรื่องซุ้มขายจูบมาเป็นโครงเรื่องหลวมๆ ให้ทั้งคู่หาคนมาเป็นตัวเด่นเรียกคนมาที่ซุ้มนี้ จนกลายเป็นเรื่องราวความรักของหลายคู่ที่มาเปิดเผยกันที่แห่งนี้ ซึ่งรวมถึงตัวแอลนางเอกที่ต้องพบ “โนอาห์” พี่ชายไม้เบื่อไม้เมาของลี ที่เป็นดาวเด่นของโรงเรียน


ลีเองก็ต้องพบกับสาวที่ไม่ได้ฝันไว้ แต่กลับมากระชากใจเขาไป ซึ่งตัวเรื่องซุ้มขายจูบนี้จะอยู่ที่กลางเรื่องของภาคแรก ก่อนที่จะเริ่มเข้าเรื่องจริงๆ คือจุดแตกหักความสัมพันธ์ของแอลกับลี ที่มีกฎหลายสิบข้อผูกมัดพวกเขาไว้ไม่ให้ทรยศความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนรัก ที่ไม่ได้มีเรื่องความรักแบบอื่นมาเกี่ยวเลย


สำหรับใครที่ดูจากหน้าหนังใหม่เต็มเรื่องก็อาจจะผิดคาดสักหน่อยที่คิดว่าเป็นเรื่องรักสามเส้า แต่จริงๆ แล้วตัวเรื่องหลักทั้ง 2 ภาค อยู่ที่ปัญหาความรักมาทำให้มิตรภาพของทั้งคู่มีรอยร้าวจนต้องแแตกแยกกัน ซึ่งตัวเรื่องจะแสดงให้เห็นความผูกพันของทั้งคู่เยอะมาก เวลาในการออกฉากของทั้งสองคนมากกว่าตัวพระเอกของเรื่องทั้ง 2 ภาคเสียอีก


ในภาคแรก


สำหรับภาคแรกอาจจะรู้สึกขัดใจกับความง้องแง้งของลีที่เสียเพื่อนซี้ไปให้กับความรัก ที่เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนมีค่ามากกว่า แต่ถ้ามองข้ามจุดขัดใจตรงนี้ไปได้ ตัวเรื่องถือว่าสนุกเลย และก็มีการเล่าเรื่องที่สมูธลื่นไหลมาก จากเรื่องแปลกๆ ของทั้งคู่ที่ทำด้วยกัน พร้อมกับกฎที่ทั้งคู่ทำสัญญากันไว้ตั้งแต่เด็กเป็นสิบข้อเป็นตัวอักษรขึ้นมาในฉาก


ให้ผู้ชมเข้าใจว่าทั้งคู่ทำอะไรได้ และห้ามทำอะไร ที่จะทำให้มิตรภาพนี้มีปัญหา พอมาในภาคสองก็ยังเล่าเรื่องด้วยกฎหลายข้อแบบเดิม แต่คราวนี้เปลี่ยนปัญหามาที่ลีกับแฟน ที่ทำให้แอลกลายเป็นตกที่นั่งลำบากใจแทน เนื่องจากเป็นก้างขวางคอแบบไม่รู้ตัว


ซึ่งในภาค 2 ตัวบทความสัมพันธ์ตรงนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกขัดใจอะไรอีกแล้ว และบทเป็นธรรมชาติกว่าภาคแรก อาจจะเพราะตัวละครเติบโตขึ้นไม่เกรียนเท่าภาคแรก แต่ก็ยังคงธีมหลักเดียวกัน ไปจนถึงเรื่องซุ้มขายจูบที่ทั้งคู่ต้องจัดอีกครั้งในชั้นปีสุดท้าย


นอกจากที่ว่ามาแล้ว เรื่องนี้ยังเน้นขายความโรแมนติกแบบจัดเต็มมาก มากขนาดที่เรียกว่าไกลเกินฉากจูบปกติทั่วไป แต่ไปถึงฉาก SEX อยู่หลายครั้ง ซึ่งตัวพระเอก “โนอาห์” เองก็สูงปรี๊ดหล่อล่ำรักจริงแสนดีครบสูตร บทก็น้ำเน่ามากที่มาตกหลุมรักผู้หญิงที่เพี้ยนๆ แก่นแก้วเพื่อนรักของน้องชาย


เพราะเข้าใจผิดว่าแอลดันไม่หลงไหลเขาแบบผู้หญิงคนอื่น แต่ที่จริงแอลก็เหล่โนอาห์ตลอดอยู่แล้ว ซึ่งตัวเรื่องไม่ได้ปิดบังอะไรตรงนี้เลย ตั้งแต่เริ่มแรกมาตัวนางเอกก็แอบชอบโนอาร์อยู่แล้ว แต่ติดที่กฎความสัมพันธ์กับลีห้ามเป็นแฟนกับคนในครอบครัวของกันและกัน เนื่องจากตัวเรื่องเน้นที่ปัญหาความขัดแย้งของทั้งคู่มากกว่า


ส่วนของความรักจึงออกมาง่ายๆ ตามสูตรเป๊ะไปหมดเหมือนเจ้าหญิงเจอเจ้าชายในฝัน แต่เรื่องก็ไม่ได้ใส่โนอาห์มากลวงๆ แค่ทำให้เป็นปัญหา แต่ก็มีมุมมองความคิดของโนอาห์เองด้วยว่าเขาจะมาช่วยนางเอกแก้ปัญหาความสัมพันธ์นี้ได้อย่างไร

รีวิว The Kissing Booth

ในภาคที่ 2


ส่วนในภาค 2 ก็จะเป็นเรื่องของนางเอกที่ต้องห่างไกลกับโนอาร์ หลังจากที่เขาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตัวเรื่องจึงเล่นปัญหาความรักห่างไกลที่ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้ และก็ใส่ตัวละครพระเอกคนใหม่ในภาค 2 เข้ามา เป็นนักเรียนใหม่ “มาร์โค” หนุ่มชวนฝันไม่แพ้ภาคแรก ซึ่งตัวเรื่องก็ทำฉากโรแมนติกได้ดีเหมือนภาคแรก แต่จะไม่มีพวกฉาก SEX หรือจูบพร่ำเพรื่อแบบภาคแรก


ซึ่งก็เป็นไปตามบทที่มาร์โคก็รู้ว่านางเอกมีแฟนแล้ว นางเอกเองก็พยายามห้ามใจไม่ให้เกินเลยกับเขา ตรงจุดนี้ทำให้หนังออนไลน์ดูมีลุ้นมากกว่าภาคแรกที่เปิดมารู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่มีใจให้กัน และก็ทำให้ตัวเรื่องความรักตรงนี้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าภาคแรกที่ดูปั้นแต่งให้รักกันตามสูตรมากไปหน่อย (ถ้าไม่นับเรื่องหนุ่มหล่อมารุมรักนางเอกที่ก็ไม่ได้สวยอะไรมากด้วยนะ) แต่ตอนจบของภาค 2 อาจจะขัดใจที่หนังเลือกเดินตามสูตรเกินไปอีกครั้ง


โดยรวม


ตัวเรื่องมีส่วนของการเติบโตตัวละครขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ภาคแรกที่นางเอกดูแก่นแก้วห้าวๆ เกรียนๆ ก็ค่อยๆ มีความคิดอ่านดีขึ้นเรื่อยๆ จากปัญหาความสัมพันธ์ของเธอกับลีที่สุดท้ายก็ไม่อาจจะตัวติดกันได้ หลังต่างคนต่างเติบโตมีเส้นทางเดินแต่ละแบบเป็นของตัวเอง ทั้งความรัก การใช้ชีวิต ความชอบที่เพิ่มมาภายหลัง การเลือกเข้ามหาวิทยาลัย


ซึ่งจุดนี้ตัวเรื่องใส่พัฒนาการมาให้ทุกตัวละคร จนเกือบเหมือนแนวทางซีรีส์ ที่ทุกตัวละครมีรายละเอียดเส้นเรื่องของตัวเอง แต่พอทำเป็นหนังเวลาเล่าเรื่องพวกนี้ก็เลยไม่มากเท่านั้น และจากฉากจบในภาค 2 ก็ทิ้งค้างไว้ทำต่อภาค 3 ชัดเจน ซึ่งก็ต้องดูว่าแต่ละคนจะไปต่อยังไงในเรื่องนี้เหมือนซีรีส์ยาวๆ ครับ


สรุป


ภาพยนตร์ Original Netflix แนวรักโรแมนติกวัยรุ่นที่มีจุดขายเรื่องมิตรภาพความสัมพันธ์เพื่อนซี้วัยเด็กจนโต โดยไม่ได้มีเรื่องรักใคร่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีเรื่องโรแมนติกชวนฝันตามสูตรแบบจัดเต็มมาให้คนดูสายนี้ได้ฟินเช่นกัน ตัวเรื่องทั้งสองภาคต่อกันสนิทเป็นเรื่องเดียวกัน อารมณ์กับธีมหลักเหมือนเดิมแต่เติบโตขึ้นตามเหตุการณ์ และก็จบแบบเตรียมทำต่อภาค 3 ต่อไปด้วย

ดู 1,681 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Klaus

bottom of page