รีวิว Arthdal Chronicles - อาธดัล สงครามสยบบัลลังก์
ซีรีส์เกาหลีฟอร์มยักษ์ใน Netflix แนวชิงอำนาจ หักเหลี่ยมเฉือนคมในโลกยุคโบราณ ผสมแนวแฟนตาซี โปรดักชั่นสุดอลังการ ซึ่งในปัจจุบันจบแล้ว 1 ซีซัน โดยตัวเรื่องจะแบ่งเป็น 3 พาร์ท เนื้อหาเกือบทั้งหมดเน้นที่การ หักเหลี่ยมเฉือนคมช่วงชิงอำนาจ รีวิว Arthdal Chronicles
เรื่องย่อ
เรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดขึ้นของอารยธรรมและรัฐชาติในยุคในตำนานซึ่งเป็นที่เล่าขานกันว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโกโชซอน โดยจะถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ความขัดแย้ง และความปรองดองของวีรบุรุษในตำนาน ณ เมืองอาธ (Arth)
สำหรับซีรีส์เรื่อง Arthdal Chronicles อาธดัล สงครามสยบบัลลังก์ เป็นซีรีส์แนวพีเรียดที่จะบอกเล่าประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างอาณาจักรที่ปรากฎในประวัติศาสตร์และตำนานของเกาหลี ซึ่งในตัวซีรีส์ก็จะมีฉากหลังของเรื่องอยู่บริเวณคาบสมุทรเกาหลีในยุคก่อนประวัติศาสตร์
ซึ่งอยู่กันแบบชนเผ่า โดยซีรีส์ Arthdal Chronicles ได้เล่าเรื่องราวของการกำเนิดอารยธรรมและรัฐชาติในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อต่างเผ่าพันธ์ุต่อสู้เพื่อเผ่าของตัวเอง ผสมผสานด้วยเรื่องความรัก ความขัดแย้ง และการปรองดองของชนเผ่าต่างๆ
โดยในซีซัน 1 ซีรีส์จะแบ่งออกเป็น 3 พาร์ต คือ พาร์ตแรก Children of Prophecy, พาร์ตสอง Turning Sky, Rising Ground และพาร์ตสาม Arth, The Prelude to All Legends
เนื้อเรื่อง
ที่จริงแล้วการแบ่งทั้ง 3 บท สามารถแบ่งเป็นแต่ละซีซันก็ว่าได้ เพราะถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดจะต่อเนื่องกัน แต่เนื้อหาใจความหลักของแต่ละบทและวิธีการเดินเรื่องไปจนถึงบรรยากาศในแต่ละ Part มีจุดแตกต่างกันพอสมควร เช่น
บทแรก ดูหนังออนไลน์เริ่มเล่าที่มาของดินแดน อาธดัล และ อิอาร์ก ไปจนถึงชนเผ่าต่างๆ โดยบทแรกเน้นบอกเล่าความขัดแย้งระหว่าง เผ่ามนุษย์และ นีแอลทัล ซึ่งเป็นกึ่งๆ อมนุษย์ที่มีพละกำลังและความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ทุกอย่าง
แต่ปรากฏว่าเผ่ามนุษย์ที่รวมตัวกันเป็นพันธมิตรจากหลายชนเผ่านั้น กลับมีผู้กล้าหนุ่ม “ทากน” บุตรชายคนโตของนีร์ฮาซานุง ผู้นำเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอาธดัล ที่สามารถหาวิธีกวาดล้างเผ่าพันธุ์นีแอลทัลลงได้แทบจะสูญเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน เรื่องราวก็เล่าถึงความรักระหว่างคนจากเผ่ามนุษย์และนีแอลทัล ที่ทำให้กำเนิดลูกครึ่งระหว่างสองเผ่าพันธุ์ขึ้นมา ลูกผสมเหล่านี้จะถูกเรียกว่า อีกึต ซึ่งมีพลังความสามารถคล้ายนีแอนทัล แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่า แต่ก็มีความสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป
ซึ่งในตอนที่เผ่านีแอนทัลถูกกวาดล้าง มีหญิงสาวที่เป็นตัวแทนของกลุ่มนักบวชจากมนุษยคือ “อาซาฮน” ได้หนีไปกับคนของนีแอนทัล ทั้งสองรักกันและมีลูกชายฝาแฝดด้วยกัน แต่ด้วยสถานการณ์ที่ต้องหนีการตามล่า ปรากฏว่าเด็กคู่แฝดจึงถูกแยกจากกัน อาซาฮนพาแฝดอีกคนหนีไปยังหน้าผาที่ไปยังดินแดนอิอาร์ก
ซึ่งเชื่อว่าจะปลอดภัย และเป็นดินแดนที่ในอดีต เคยมีนักบวชในตำนานที่เป็นสายเลือดโดยตรงของผู้นำนักบวชได้หนีตามคนรักมาที่ดินแดนนี้ อาซาฮนจึงพาลูกชายของตนหนีมาอิอาร์ก แต่เธอก็เสียชีวิตลง พร้อมกับพบว่า ลูกชายของเธอแท้จริงแล้วอาจจะเป็นการกลับมาเกิดของ “อารามุน แฮซึลลา” เทพเจ้าสูงสุดของอาธดัล
ส่วนลูกชายของเธอได้อยู่อาศัยกับเผ่าวาฮัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าเล็กๆที่สงบสุขที่อาศัยอยู่ในอิอาร์ก เด็กน้อยอีกึตที่รอดมาได้นี้ก็คือ “อึลซอม”
อึลซอมได้เกิดและเติบโตอยู่ในเผ่าวาฮัน ร่วมกับเด็กสาว “ทันยา” ผู้สืบทอดสายเลือดโดยตรงจากแม่เฒ่าของเผ่า
แต่แล้วชีวิตอันสงบสุขของ อึลซอมและทันยาก็พังทลายลง เมื่อทากน ที่ทำสงครามแผ่ขยายดินแดนไปทั่วอาธดัล สามารถหาวิธีนำทหารลงมาจากผาเพื่อเข้ามาดินแดนอิอาร์กได้ เผ่าวาฮันจึงถูกกองทัพของทากนเข้ารุกราน และอึลซอมกับทันยาก็จำต้องแยกจากกัน
แต่ตอนนั้นเองที่อึลซอมได้ค้นพบพลังความสามารถของเขาที่แตกต่างจากคนทั่วไป และเริ่มหาทางเรียนรู้ที่จะใช้มันเพื่อช่วยเหลือทันยาและคนของเผ่าที่เหลือให้ได้
การรวมตัวของบรรดาชนเผ่า
ในซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้สอดแทรกอะไรหลายๆ ไม่ว่าการรวมตัวของบรรดาชนเผ่าต่างๆ ที่อยู่รวมตัวกันในรูปแบบของสมาพันธ์ หรือ สหพันธรัฐ ก่อนที่จะนำไปสู่การเกิดสิ่งที่เรียกว่าการปกครองแบบกษัตริย์ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดรัฐชาติ หรือการใช้เงินตราในการแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังให้ภาพของผู้หญิงที่แตกต่างจากซีรีส์แนวประวัติศาสตร์ทั่วไปๆ ของเกาหลีเป็นอย่างมาก
เพราะในซีรีส์เรื่องนี้ได้ให้ภาพการเป็นผู้นำของผู้หญิงออกมาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะในฐานะของหัวหน้าเผ่า หรือหัวหน้าวิหาร(คล้ายๆ กับธิดาเทพในยุคโชซอนนั้นเอง) รวมไปถึงภาพที่ผู้หญิงมีอำนาจมากพอจะต่อรองหรือบงการผู้ชายได้
ปมคำทำนาย
ตัวซีรีส์ได้ผูกปมเรื่องด้วยคำทำนายของเด็กทั้งสามคนที่เกิดในวันที่มีดาวหางสีน้ำเงินปรากฏ และตามคำทำนายนั้นเด็กที่เกิดวันนี้จะนำมาซึ่งหายนะของแผ่นดิน เด็กทั้งสามคนก็คือ อึนซอม ซายา และทันยา
ซึ่งอึนซอมกับซายาเป็นฝาแฝดลูกผสมระหว่างเผ่าพันธุ์คือ พวกนีอันทัล (มีเลือดสีฟ้าและแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถฝันได้) กับ ซารัม (มีเลือดสีแดง หรือก็คือมนุษย์ทั่วไป ไม่สามารถฝันได้) โดยจะเรียกพวกลูกผสมนี้ว่า อิกูตู
จุดเด่น
คงต้องยกให้กับ การโยงเรื่องราวที่ดูเหมือนไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันให้เชื่อมต่อกันได้ แม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ เช่น ท่าร่ายรำของเผ่าวาฮันที่ทันยาถูกบังคับให้ฝึกตั้งแต่เล็ก ซึ่งถูกพูดถึงในตอนที่ 2 ใครจะไปคิดว่าท่าร่ายรำนี้จะมีบทบาทสำคัญและเป็นแผนการณ์ที่ถูกวางไว้กว่า 200 ปี
นอกจากนี้ แม้แต่การกระทำของตัวละครรองๆ ที่ดูไม่สำคัญ เป็นคนตัวเล็กๆ แต่การกระทำกลับส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อเนื่อง และสะเทือนไปถึงเหตุการณ์ใหญ่ด้วย
จุดเด่นอีกอย่างของเว็บดูหนังเรื่องก็คือ การโยนปัญหาต่างๆ เข้ามาในซ๊รีส์ให้ตัวละครเอกต้องผ่านปัญหาเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งการวางแผนด้นสด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปตอนๆ ไปจนถึงมีการวางแผนล่วงหน้าที่คาดไม่ถึงก็มี ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของตัวละครในเรื่อง มีหลายมุกที่ต้องร้องว้าวว่า “คิดได้ไง” ในขณะที่บางมุกก็เล่นง่ายเอามากๆ
ความเป็นแฟนตาซี
ด้านความเป็นแฟนตาซีของเรื่องนี้ ก็มีการนำมาผสมผสานกับตำนานความเชื่อไว้บ้าง รวมถึงตัวเองก็มีพลังพิเศษที่ไว้ใช้เอาตัวรอด แต่พลังพิเศษของตัวเอกอย่างอึลซอม เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก คือในช่วงแรก พลังพิเศษของตัวเอกมีประโยชน์ในการเอาตัวรอดมาก แต่พอเรื่องราวเดินหน้าไปเรื่อยๆ พลังพิเศษของตัวเองก็แทบจะไร้ประโยชน์
เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะทำให้เขาขึ้นมาต่อสู้เอาตัวรอดในโลกที่โหดร้ายได้ ไม่ใช่ความสามารถในการต่อสู้ตัวต่อตัว (ที่มีคนเก่งกว่าเขาอยู่ด้วย) แต่เป็นความสามารถในการเกาะกุมใจผู้คน และการสร้างอำนาจขึ้นมา
จุดที่ต้องชื่นชมคือ นักแสดงตัวหลักทั้ง 4 คน (บทอึลซอมและซายาใช้คนเดียวกัน) ทำได้กินขาดมากๆ ทุกคนเมื่อรวมกันแล้วสามารถแบกทั้งซีรีส์เอาไว้ได้ โดยเฉพาะนักแสดงหนุ่ม Song Joong-ki ที่ต้องรับบทแสดงเป็นทั้งอึลซอมและซายา ซึ่งมีการแสดงออกในด้านสีหน้าท่าทาง ชนิดที่แตกต่างกันสุดขั้ว แต่เขากลับทำให้คนดูเชื่อได้ว่า “นี่คือคนละคน” ได้อย่างยอดเยี่ยมเอามากๆ
จุดด้อย
ส่วนจุดด้อย ที่ถือว่าร้ายแรงที่สุดของเรื่องคือ “ช่วงแรกเดินเรื่องช้ามาก” ใน Part แรกคือตอนที่ 1-6 กว่าเรื่องจะเข้าสู่ความสนุกจริงจัง ต้องรอผ่านพ้นตอน 3 ขึ้นไปแล้ว แถมเอาเข้าจริงๆ เนื้อหาใน 6 ตอนแรกก็ยังไม่สนุกเข้มข้นมากนัก
เนื้อหาของเรื่องจะสนุกจริงๆ คือหลังจากเปิดตัว ซายา ในท้ายตอนที่ 6 หรือก็คือเข้าสู่ Part 2 ของเรื่อง ตั้งแต่นั้นคือความสนุกระดับมาราธอนครับ อาจจะเพราะคนดูสามารถเข้าใจความเป็นไปเป็นไปภายในโลกของอาธดัล ไปจนถึงแรงขับดันในการกระทำของเหล่าตัวละคร เพราะในช่วงแรกคนดูจะไม่เข้าใจเอาซะเลยว่า ตัวร้ายอย่างทากน ทำเรื่องต่างๆ ไปเพื่ออะไร
แถมทากนเป็นตัวละครฝ่ายร้ายที่ในช่วงแรกดูไม่น่าเชียร์เอาเลย กระทั่งเราเริ่มรู้จักตัวละครนี้มากขึ้น บวกกับการเข้ามามีบทบาทของ ซายา ซึ่งเป็นตัวละครที่มีมุม “โหดและเลือดเย็นยิ่งกว่าทากน” ซึ่งก้ทำให้ทากนซึ่งเป็นตัวละครที่ดูครบเครื่องในช่วงแรกและทำอะไรก็เข้าทางไปหมด ได้เจอกับปัญหาและอุปสรรคระดับที่เกือบต้องพลาดท่าเสียทีหลายครั้งนั่นเอง เรื่องราวถึงค่อยน่าลุ้นขึ้น
ในขณะที่เนื้อหาของพระเอกอย่างอึลซอม ต้องยอมรับว่าในช่วงแรก “ไม่ค่อยสนุก” ขณะที่ช่วงกลางบทก็เปลี่ยนไปทางซายาที่ใช้นักแสดงคนเดียวกัน ทำให้เนื้อหาส่วนที่สนุกที่สุดของอึลซอม ต้องรอถึง Part 3 ที่เขาเริ่มจะเข้าใจอะไรในโลกมากขึ้นนั่นแหละครับ
จุดด้อยของเรื่องยังมีอีกคือ พล็อตโฮลแอบมีอยู่พอสมควร และบางอย่างเหมือนนึกจะใส่ก็ใส่มาเพิ่มเอาง่ายๆ ในขณะที่มีบางตัวละครที่ฉลาดและเอาตัวรอดได้เก่งสุดๆ มาตลอดทั้งเรื่อง บทจะพลาดท่าก็พลาดเสียอย่างนั้น
โดยรวม
เป็นซีรีส์แนวสงครามชิงอำนาจย้อนยุคที่สนุกอันดับต้นๆใน Netflix และดูดีมากขึ้นเรื่อยๆในทุกตอนเมื่อเรื่องราวเดินหน้าไป การโยงความสัมพันธ์ตัวละครที่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ชวนงง ตัวละครสีเทาที่มีแรงจูงใจในการกระทำเรื่องราวต่างๆ แม้ว่าช่วงแรกจะเดินเรื่องช้าพอสมควร จุดด้อยคือบทของพระเอกอย่างอึลซอมไม่ค่อยสนุกมากนักในช่วงครึ่งแรก
ซึ่งเนื้อหาหลักไปอยู่ที่ตัวละครอื่นๆมากกว่า แต่สำหรับซีซัน 2 ที่จะมาถึง เรื่องราวก็น่าจะเริ่มไปที่สเกลการทำสงครามระหว่างสองขั้วอำนาจอย่างเต็มตัวมากขึ้น หลังจากตอนจบของซีซันแรก เหล่าตัวละครเอกได้เข้าสู่วงอำนาจสูงสุดอย่างที่ต้องการแล้ว
สรุป
แฟนตาซีย้อนยุค เน้นการหักเหลี่ยมเฉือนคม วางแผนชิงอำนาจ มีความพยายามเป็น Game of Throne ฉบับเกาหลีโบราณ เนื้อหาเข้มข้น สนุก ชิงไหวชิงพริบ หักมุมตลอดเรื่อง ตัวละครต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยวิธีคาดไม่ถึงหลายครั้ง เนื้อหาเดาได้ยาก เสียที่ช่วงแรกเดินเรื่องช้า
Commentaires