top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนnongbig jomza

Money Heist

ดูหนังออนไลน์

รีวิว Money Heist - ทรชนคนปล้นโลก

Money Heist ซีรีย์ของสเปนที่ฉายใน Nexflix ทำออกมาได้ดีงามมาก ไม่แพ้ฝั่งอเมริกาเลย แนวของหนังเรื่องนี้จะคล้ายๆ Prison Brake ที่เน้นการวางแผน ตั้งใจทำให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในที่จำกัดเหมือนกัน ซึ่งหนังปล้นโดยปกติจะพยายามโชว์กลวิธีการหนี แต่เรื่องนี้กลับตรงกันข้าม คือ การยึดโรงกษาปณ์สเปนเป็นฐานที่มั่น ป้องกันตำรวจบุกมาให้ได้นานที่สุด (เพื่ออะไรต้องลองไปดูในเรื่อง) ซึ่งกลวิธีเหล่านี้แหละคือความสนุกของเรื่องนี้ โดยที่ฝั่งตำรวจก็ชิงไหวชิงพริบกับเหล่าโจรทันเกมกันตลอด เรื่องดำเนินไปทั้งด้านในโรงกษาปณ์และด้านนอกพร้อมกัน มีลุ้นแบบหายใจรดต้นคอกันตลอดเรื่อง รีวิว Money Heist ซีซัน 1-2


เรื่องย่อ


ปฏิบัติการปล้นระดับชาติที่มีผู้นำขบวนการใช้ฉายาแฝงว่า ศาสตราจารย์ เขารวบรวมอดีตโจร นักต้มตุ๋น อันธพาล และพวกคนชายขอบที่มีความสามารถเฉพาะด้าน มาเรียกด้วยชื่อของเมืองแทนชื่อตัวเพื่อมาร่วมกันทำตามแผนโจรกรรมสมบูรณ์แบบที่ไม่มีใครต้องบาดเจ็บหรือตาย และพวกเขาจะหนีรอดมาได้พร้อมเงินที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของสเปน หรืออาจของโลกด้วย ทว่าความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริงในโลก แม้แต่ศาสตราจารย์เองก็ต้องเรียนรู้เรื่องนั้นเมื่อได้ผ่านอุปสรรคแต่ละครั้งที่เกิดขึ้นในแผนปล้นใหญ่ครั้งนี้


 

Money Heist ทรชนคนปล้นโลก (หรือ La Casa de Papel ซึ่งแปลว่า บ้านกระดาษ ในภาษาสเปน) เป็นซีรีส์จากสเปนที่ฮิตเกินคาดในบ้านเรา (หรืออาจพูดว่าทั่วโลก) โดยเฉพาะที่ว่าสามารถทำให้เน็ตฟลิกซ์ควักเงินออกทุนมาจนถึงซีซันที่ 4 แล้วด้วย โดยที่ไม่มีดาราเบอร์ใหญ่ระดับฮอลลีวู้ดมาเล่นสักคน ยิ่งการันตีความเจ๋งเป้งของตัวซีรีส์ได้อย่างดี


โดยซีรีส์ชุดนี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ของ อเล็กซ์ ปินา (Álex Pina) นักสร้างซีรีส์สุดเก๋าของสเปน ที่เดิมทีเป็นซีรีส์ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง Antena 3 ของสเปน ก่อนที่จะถูกนำมาลงเน็ตฟลิกซ์และทำให้ทีมนักแสดงนำโดยเฉพาะ อัลวาโร มอร์เต (Álvaro Morte) ในบทของ ศาสตราจารย์, เปโดร อลอนโซ (Pedro Alonso) ในบท เบอร์ลิน และนักแสดงสาวสุดเซ็กซี เออร์ซูลา คอร์เบโร (Úrsula Corberó) ในบท โตเกียว กลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลกเลยทีเดียว


สำหรับใครที่ไม่เคยดูมาก่อนก็ต้องบอกว่าแม้เนื้อหาจะลากยาวมาถึงซีซันที่ 4 แล้ว แต่ในแง่ของการจบปมต่าง ๆ นั้นอาจเล่าได้ว่าตัวซีรีส์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค โดยปริยาย คือ ภาคปล้นโรงกษาปณ์ (ซีซันที่ 1-2) และภาคปล้นธนาคารกลาง (ซีซันที่ 3-4 และยังไม่จบ) ใครจะเริ่มดูหนังออนไลน์แล้วกลัวหยุดไม่อยู่ก็บอกได้เลยว่ามีจุดที่ให้เบรกใจได้ยาว ๆ ตรงจบภาคแรกนั่นเองเพราะมันไม่ได้ทิ้งเชื้อให้ค้างคาสุด ๆ อะไรเลย (เป็นข้อดีนะไม่งั้นลากยาว ๆ กัน 4 ซีซัน รวม 38 ตอนนี่แอบเหนื่อย)


ภาคปล้นโรงกษาปณ์


ในภาคนี้นั้นเราจะได้เห็นการปูพื้นตัวละครต่าง ๆ ที่มาที่ไปและจุดแข็ง-จุดอ่อนในตัวของแต่ละคน รวมถึงปูพื้นฝั่งตรงข้ามอย่างตำรวจและหน่วยข่าวกรองของสเปน ถ้าว่าเป็นหนังภาคแรกก็เป็นภาคแรกที่ดูไปลุ้นไปจากความไม่รู้จักตัวละครนี่ล่ะ ว่ามันจะเก่งจะอ่านแผนล่วงหน้าไปได้ถึงไหนเชียว การปล้นโรงกษาปณ์ของประเทศอุปสรรคมันยากกว่าพวกหนังปล้นธนาคารทั่วไปอีกระดับเลย ตรงนี้เป็นจุดที่ต้องชื่นชมความชาญฉลาดของทีมเขียนบทที่นำโดยครีเอเตอร์คนเก่งอย่าง อเล็กซ์ ปินา


ซึ่งธีมการนำเสนอก็ล้อไปชื่อเรื่องในภาษาสเปนที่แปลว่า บ้านกระดาษ ได้ดี ทั้งฉากไตเติลที่เป็นกราฟิกโรงกษาปณ์จำลองจากกระดาษซึ่ง ศาสตราจารย์ ใช้อ้างอิงในการวางแผนต่าง ๆ ดั่งภาพอุดมคติของตัวละครที่ต้องการแผนการที่สมบูรณ์แบบไม่มีใครบาดเจ็บหรือตาย และพวกเขาจะหนีรอดราวผู้บริสุทธิ์หรือกระดาษสีขาวก็ไม่ปาน และอีกทางมันก็ยังทำให้เห็นว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องมันพร้อมแปดเปื้อนและพังทลายอย่างง่ายดายขนาดไหน เพียงมีปัจจัยที่เกินควบคุมเข้ามาสั่นคลอนบ้านกระดาษหลังนี้


ทั้งจากความผิดพลาดที่เกินควบคุมจากการกระทำของตัวละครที่ล้วนมีจุดบกพร่อง หรือความบังเอิญ ความฉลาดเฉลียวของฝั่งผู้ล่าอย่างตำรวจที่พร้อมไล่งับลงเขี้ยวสั่งสอนศาสตราจารย์ผู้โลกสวยอยู่ในโลกอุดมคติ และนั่นก็เป็นสูตรที่ได้ผลมาก ๆ ที่ทำให้ผู้ชมสนใจใคร่รู้เรื่องราวตลอดเวลาว่าแผนการนี้จะล้ำแค่ไหน และพวกเขาจะเอาตัวรอดได้ไหม


ต้องยอมรับว่าด้วยคาแรกเตอร์ความไม่แน่นอน เลือดร้อน อารมณ์แกว่งดุจระเบิดเวลาของ โตเกียว ตัวละครสาวผู้ใช้ชีวิตโลดโผนราวอยากวิ่งหาความตายเสมอจนกระทั่งแฟนหนุ่มโดนตำรวจยิงตายระหว่างปล้น ทำให้เธอมีความหวั่นไหวในใจที่คาดเดาการกระทำไม่ได้ ไม่รู้จะสติแตกไปตอนไหน ในขณะอีกตัวละครที่เด่นไม่แพ้กันคือ เบอร์ลิน คุณชายมาดผู้ดีหยิ่งศักดิ์ศรีแต่เลือดเย็นและขาดความเห็นใจในมนุษย์ ผู้ที่ศาสตราจารย์ไว้ใจให้เป็นผู้นำคณะปล้น ก็เป็นตัวละครที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เรื่องราวได้เยอะมากจากความที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


การยืนอยู่ปลายเหวของความรุนแรงและความเจ้าเล่ห์ตลอดเวลาไม่รู้จะข้ามเส้นสู่การนองเลือดเอาตอนไหนกันแน่ ทั้งสองคนนี้ที่เป็นตัวละครที่มีบุคลิกน่ามองตามกายภาพอยู่แล้ว คือสวยหล่อมีเสน่ห์ทั้งคู่ เมื่อยิ่งมีนิสัยโดดเด่นน่าสนใจด้วยแล้วยิ่งดึงสายตาผู้ชมได้ตลอด และในขณะที่ทั้งคู่ดูเป็นตัวที่พร้อมสั่นคลอนแผน แต่ก็มีความขัดแย้งในตัวที่เชื่อมั่นและศรัทธาในแผนการของศาสตราจารย์อย่างยิ่ง เรียกว่าเป็นหมากเด็ดที่คนเขียนบทเอามาใช้ทำให้ผู้ชมลุ้นได้ตลอดเวลาจริง ๆ


เรื่องราว


ในขณะที่ภายในโรงกษาปณ์เป็นเรื่องราวการงัดข้อกันระหว่างภายในกลุ่มโจร และระหว่างกลุ่มโจรกับตัวประกันที่บุคลิกหลากหลายทั้งน่าเอาใจช่วยทั้งน่าหมั่นไส้ ภายนอกโรงกษาปณ์ก็เป็นการวัดกึ๋นกันระหว่าง ศาสตราจารย์ ที่ต้องควบคุมสั่งการกลุ่มโจรให้ราบรื่น และปลอมตัวแนบเนียนเข้าใกล้เหล่าตำรวจเพื่อล้วงความคืบหน้าแบบรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


ซึ่งอีกฝั่งก็คือ สารวัตรราเกล สาวใหญ่หย่าสามีและมีลูกติดที่ต้องทำหน้าที่เจรจาและโดนศาสตราจารย์แผ้วเผาทำลายชีวิตของเธออยู่ร่ำไป แต่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าชายแปลกหน้าที่เข้ามาชนะใจเธอในช่วงนี้คือศาสตราจารย์ปลอมตัวมา เรียกว่าเธอคือเหยื่อที่โดนกระทำหนักสุดจากเรื่องราวทั้งหมด เรื่องราวรักหลายเส้าของเธอเองก็เป็นตัวแปรให้เรื่องราวซับซ้อนขึ้นเหมือนกัน


ทั้งรองสารวัตรที่แอบรักเธอมาตลอดเป็นสิบปี หรืออดีตสามีที่ชอบทำร้ายเธอแต่ภาพลักษณ์ดีในที่ทำงาน โดยเฉพาะการเป็นหน่วยพิสูจน์หลักฐานมือหนึ่งที่ต้องใกล้ชิดเธอตลอด และสุดท้ายคือความวุ่นวายที่สุดเมื่อศาสตราจารย์ก็ตกหลุมรักสารวัตรสาวเข้าให้จนได้ ความสัมพันธ์แบบโกหกและอยู่ขั้วตรงข้ามกันก็เป็นอีกเรื่องราวให้ได้ลุ้นมาก ๆ


สิ่งที่ชอบ


แต่สิ่งที่ชอบที่สุด นอกจากเกมกลของเหล่าโจรแล้ว ก็คือเมนหลักของเรื่องเน้นไปที่ “ความรัก” ของตัวละครในเหตุการณ์นี้ ที่มาบรรจบกันในสถาณการณ์ที่เรียกว่า “ความรักทำให้พัง” ซึ่งกฎที่เหล่าโจรตั้งไว้ก่อนเข้าปล้นคือ ห้ามมีความสัมพันธ์กับใคร แต่จุดนี้แหละคือ ตัวแปรที่ทำให้แผนการที่วางมาดีแค่ไหน ก็ผิดพลาดได้ ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายในเรื่อง (โจร ตัวประกัน ตำรวจ) รักคนที่ไม่ควรรัก รักผิดที่และผิดเวลา


นอกจากนี้ยังมีความรักในแบบอื่นๆ ตั้งแต่ครอบครัว พ่อแม่ลูก พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ใส่ไว้ตลอด เรียกว่าหนังรักเลยก็ได้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่เปิดเรื่องจนจบไม่มีตอนไหน ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับความรัก ตัวละครหลักทุกตัวมีปมความรักเป็นเส้นเรื่องทั้งสิ้น ทั้งเปิดปมและคลายปมไปจนจบเรื่อง และทำให้ตัวละครหลักบางคน เติบโตในแบบหนัง Coming of Age ไปพร้อมกัน ซึ่งจุดนี้แหละที่เป็นจุดแข็งของเรื่องนี้ ทำให้คนดูเอาใจช่วยทุกตัวละครเลย เพราะความรักไม่มีดีหรือชั่ว ต่างกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ที่สามารถแบ่งแยกดีและเลวได้ชัดเจนกว่า

รีวิว Money Heist

ด้านโพรดักชัน


พูดถึงด้านโพรดักชัน ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าโปรแกรมหนังซีรีส์สเปนเรื่องนี้มีมาตรฐานที่สูงมากไม่เพียงเรื่องบทที่ซับซ้อนแต่ละเอียดตกหล่นทิ้งรอยโหว่ใหญ่ ๆ น้อยมาก สะท้อนการเตรียมตัวที่ดีของทีมงานที่เก่งและแข็งแกร่ง เอาอวดสายตาชาวโลกได้สบาย ถ้าซีรีส์บ้านเราอยากไปตีระดับโลกก็อาจจำเป็นต้องก้าวข้ามข้อจำกัดบางอย่างให้ได้แบบนี้จริง ๆ


ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าตัวซีรีส์ได้การสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลอย่างน้อยที่สุดคือการไม่ขัดขวางการนำเสนอที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงเช่นนี้ นอกจากนั้นการสร้างโลเกชันรวมถึงการคิดรายละเอียดของพร็อพอย่างหน้ากาก ชุดคอสตูม อาวุธต่าง ๆ ต้องบอกว่าสร้างความน่าเชื่อถือให้เรื่องราวและเสริมจินตนาการผู้ชมให้สัมผัสความเท่ในทุกอณูเอามาก ๆ ด้วย


ด้านนักแสดง


นักแสดงในเรื่องเล่นได้ไม่มีที่ติ มีเสน่ห์มาก ซึ่งตัวละครโจรในเรื่องจะมีชื่อตามเมืองสำคัญในโลก หนังให้บท “โตเกียว” นางเอกโจรสุดเซ็กซี่เลือดร้อนเป็นคนเล่าเรื่องบรรยายเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ชมรับรู้บริบทลึกขึ้นของเหตุการณ์นั้นๆ แต่ตัวละครเอกจริงๆ คือ “โปรเฟสเซอร์” ที่เป็นหัวหน้าของเหล่าโจรอีกที เป็นมันสมองทั้งหมดของเรื่องนี้ กับฝั่งตำรวจ “สารวัตรราเกล” ที่เป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในฝั่งนี้ และเป็นหัวหน้าทีมคดีนี้อีกด้วย


ทั้งสองคนคงเป็นยอดฝีมือรุ่นใหญ่ของสเปนจริงๆ จากการแสดงที่ถึงขั้นทำให้คนดูอินไปกับความสัมพันธ์ที่แตกต่างของทั้งคู่ ยิ่งฉากก่อนจบเรื่องที่เฉลยความจริงทั้งหมด ทำเอาน้ำตาตกกับชะตากรรมของทั้งสองคนได้เลย อีกคนคือ “เบอร์ลิน” โจรมาดเนี๊ยบผู้คมทีมในโรงกษาปณ์ ดูแล้วคิดถึง “ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์” มาก เป็นตัวละครที่ลึกกว่าโจรในเรื่องไปอีกขั้น เป็นคนที่คาดเดายาก บททำออกมาให้ดูลุ่มลึก+โรคจิต แต่ตัวละครนี้กุมความลับซ่อนอยู่ไปจนจบเรื่องถึงเฉลย ซึ่งทำออกมาดีมาก ทำเอาคนดูคาดไม่ถึงแน่นอน


สรุป


สำหรับใครที่ยังไม่เคยดู ก็แนะนำเลยว่าภาคปล้นโรงกษาปณ์นี้ ลงตัวที่สุดแล้วในซีรีส์ชุดนี้ ทั้งความใหม่อ่อนประสบการณ์ของทั้ง 2 ฝั่ง ความลงตัวของตัวละครต่าง ๆ ที่ขัดแย้งกันได้สนุกในหลายระดับ และการสรุปเรื่องราวที่น่าประทับใจจับใจคนดูสุด ๆ เรียกว่า 2 ซีซัน รวม 22 ตอนนั้น ดึงให้ดูรวดเดียวไม่หยุดได้ของจริงเลย

ดู 9 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comentarios


bottom of page